อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ - โอกาสลดต้นทุนมูลค่าหลายล้านดอลล่าร์

บทความใหม่เผยภาพรวมว่า น้ำมันหล่อลื่นที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสามารถช่วยเปิดโอกาสการประหยัดพลังงานที่มักถูกมองข้ามในกระบวนการทำงานหม้อบดปูนในโรงงานปูนซีเมนต์ได้อย่างไร

ต้นทุนพลังงานเป็นปัจจัยสำคัญในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือการสูญเสียพลังงานจำนวนมากที่เกิดจากการหล่อลื่นจุดเสียดทานที่ไม่มีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนมาใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานโดยเฉพาะ สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น การใช้พลังงานในชุดเกียร์สามารถลดลงได้เฉลี่ย 3%-4% ด้วยวิธีนี้

ในบทความใหม่ที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร World Cement คลูเบอร์ฯ ได้อธิบายถึงวิธีที่สารหล่อลื่นประหยัดพลังงานสามารถช่วยเปิดโอกาสในการประหยัดพลังงานที่มักถูกมองข้ามในกระบวนการบดของโรงงานปูนซีเมนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Cement

คุณมาร์คัส เบอร์บาค (Mr. Markus Burbach) จากคลูเบอร์ ลูบริเคชั่น อธิบายว่า การใช้น้ำมันหล่อลื่นที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสามารถเปิดโอกาสในการประหยัดพลังงานของหม้อบดปูนในโรงงานปูนซีเมนต์ได้อย่างไร

ต้นทุนด้านพลังงานถือเป็นหัวข้อที่นำมาพิจารณามากขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ปัจจัยที่มักถูกมองข้าม คือ การสูญเสียพลังงาน เนื่องจากการหล่อลื่นที่ไม่มีประสิทธิภาพในจุดที่เกิดแรงเสียดทาน และประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันหล่อลื่นเกรดพิเศษที่มีสูตรเฉพาะ เพื่อการประหยัดพลังงาน ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนมาใช้น้ำมันหล่อลื่นเกรดพิเศษในเกียร์บ็อกซ์ ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานโดยเฉลี่ย 3 – 4% โดยอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทั่วโลกสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 500 ล้านยูโรต่อปี

เป็นที่ทราบกันดีว่าอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยก๊าซ CO2 รายใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนถึง 8% ของการปล่อยก๊าซ CO2 ทั่วโลก นอกจากนี้ โรงงานปูนซีเมนต์ยังมีการใช้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณที่สูงมาก และแนวโน้มการใช้พลังงาน ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต อันเนื่องมาจากการนำเทคโนโลยีลดการปล่อยคาร์บอน เช่น การดักจับคาร์บอน (Carbon Capture) หรือการใช้เตาเผาพลังงานไฟฟ้า แม้จะต้องเผชิญกับต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม

ความท้าทายเหล่านี้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้โรงงานปูนซีเมนต์ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแรงผลักดันจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ข้อกำหนดทางกฎหมายในท้องถิ่น การรับรองมาตรฐาน ISO 50001 หรือระบบการจัดการพลังงานอื่นๆในพื้นที่ น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงานเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มักถูกมองข้าม แต่สามารถช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในโรงงานปูนซีเมนต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

การสูญเสียพลังงานในชุดเกียร์ของหม้อบด

หม้อบดในโรงงานปูนซีเมนต์ มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าสูงถึง 60% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมด กระบวนการบดถือเป็นกระบวนการที่ไม่มีประสิทธิภาพอย่างมาก เนื่องจากพลังงานส่วนใหญ่ ที่ใช้ในระบบขับเคลื่อนไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานสำหรับการบด แต่กลับสูญเสียไปในรูปแบบของความร้อน การสั่นสะเทือน การสึกหรอ แรงเสียดทาน และเสียงรบกวนตัวอย่างเช่น หม้อบดทั่วไปที่มีพิกัดประมาณ 5,500 กิโลวัตต์ ซึ่งทำงานที่โหลด 90% และประมาณ 6,000 ชั่วโมงการทำงานต่อปี จะใช้พลังงานไฟฟ้าสูงถึง 30 เมกะวัตต์ต่อปี

ด้วยราคาค่าไฟฟ้าที่ 0.10 ยูโรต่อ kWh หม้ดบดพียงเครื่องเดียว อาจมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าประมาณ 3 ล้านยูโรต่อปี (หรือประมาณ 120 ล้านบาทไทย/ปี)

และเมื่อพิจารณาว่า โรงงานปูนซีเมนต์แต่ละแห่ง ส่วนมากจะมีหม้อบดหลายเครื่อง รวมถึงสายการผลิตหลายสาย ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้ารายปีเป็นจำนวนมหาศาล

การเริ่มต้นประหยัดพลังงานด้วยการใช้น้ำมันหล่อลื่นที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน ควรมุ่งเน้นไปที่ชุดเกียร์ของหม้อบดเป็นลำดับแรก ซึ่งครอบคลุมทั้งหม้อบดแบบลูกบอล (Ball Mills) ที่มักมีชุดเกียร์หลักจำนวน 1 หรือ 2 ชุด หม้อบดแนวตั้ง (Vertical Mills) ที่โดยทั่วไปมีชุดเกียร์หลัก 1 ชุด และเครื่องรีดแบบลูกกลิ้ง (Roller Presses) ที่มักมีชุดเกียร์หลัก 2 ชุด

 

ข้อมูลเชิงลึกและประสบการณ์ที่ผ่านมา

ประมาณ 2 ใน 3 ของโรงงานปูนซีเมนต์ทั่วโลก ยังคงใช้น้ำมันหล่อลื่นแบบน้ำมันแร่ทั่วไปสำหรับอุปกรณ์เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนจากน้ำมันแร่เกรดธรรมดามาเป็นน้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงาน สามารถช่วยลดการใช้พลังงานต่อชุดเกียร์ได้ประมาณ 3 – 4% ซึ่งเป็นการลดต้นทุนพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างเห็นได้ชัด

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คลูเบอร์ ลูบริเคชั่น ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ปฏิบัติงานในการเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันแร่ธรรมดาที่จัดหาจาก OEM ของชุดเกียร์ มาเป็นน้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงาน เช่น Klübersynth GEM 4 N series หรือ Klübersynth GH 6 โดยไม่ว่าชุดเกียร์จะมีความหลากหลายเพียงใด ผลลัพธ์ที่ได้ในด้านการประหยัดพลังงานยังคงแสดงถึงความสม่ำเสมอและประสิทธิภาพที่น่าพึงพอใจอย่างต่อเนื่อง

โดยทั่วไป หม้อบดเหล่านี้มีพิกัดพลังงานอยู่ระหว่าง 2,000 – 5,000 กิโลวัตต์ และปริมาณน้ำมันที่ใช้ในชุดเกียร์อยู่ในช่วง 1,000 – 5,000 ลิตร การประหยัดพลังงานที่คลูเบอร์ ลูบริเคชั่น สามารถทำได้โดยการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงาน สามารถลดการใช้พลังงานได้ตั้งแต่ 2% จนถึงสูงสุด 6.5% ซึ่งตัวเลขสูงสุดที่ 6.5% เป็นการวัดผลที่ประสบความสำเร็จในโรงงานปูนซีเมนต์ที่ประเทศบราซิล โดยปกติจะสามารถประหยัดได้ระหว่าง 3 – 4% อย่างแน่นอนในทุกกรณี โดยมีระยะเวลาคืนทุนอยู่ระหว่าง 3 – 20 เดือน

ข้อเท็จจริง

ตารางที่ 1 แสดงศักยภาพการประหยัดค่าไฟฟ้าจากหม้อบดเพียงเครื่องเดียว โดยเปรียบเทียบกับพลังงานของชุดเกียร์ และการลดการใช้ไฟฟ้าจากการใช้น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงาน ภายใต้สมมติฐานการทำงาน 6,000 ชั่วโมงต่อปี และค่าไฟฟ้าที่ 0.10 ยูโรต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (ประมาณ 4 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง)

ขึ้นอยู่กับรูปแบบการติดตั้งในแต่ละโรงงานปูนซีเมนต์และจำนวนหม้อบดที่ใช้งาน การประหยัดค่าไฟฟ้าสามารถสูงสุดถึง 500,000 ยูโรต่อปี (ประมาณ 20 ล้านบาทไทย/ปี) ซึ่งจะช่วยลดการปล่อย CO2 ได้มากถึง 10,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ ระยะเวลาคืนทุนใช้เวลาน้อยกว่า 6 เดือน ทำให้เป็นโอกาสการลงทุนที่คุ้มค่าและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

การเปลี่ยนแปลงเพื่อประหยัดพลังงาน

จากการประมาณการ หากอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทั่วโลกเปลี่ยนมาใช้น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงาน จะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 500 ล้านยูโรต่อปี โดยผู้ผลิตปูนซีเมนต์ชั้นนำ 20 รายของโลกสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 4 ล้านยูโร ไปจนถึง 70 ล้านยูโรต่อปี

แม้จะมีประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ แต่มีเพียงประมาณ 20 – 30% ของโรงงานปูนซีเมนต์ที่ใช้น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงานในชุดเกียร์ของหม้อบด สาเหตุของความลังเลนี้เกิดจากหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน

ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพการประหยัด

เหตุผลแรกและชัดเจนที่สุดคือ การขาดความตระหนักถึงศักยภาพในการประหยัดพลังงานจากการใช้น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงาน วิธีแก้ไขปัญหานี้คือการสร้างความตระหนักให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโรงงานปูนซีเมนต์ให้มากที่สุด โดยเริ่มจากพนักงานฝ่ายบำรุงรักษาที่มักมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานน้ำมันหล่อลื่นมากที่สุด รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตที่มักใช้การใช้พลังงานเป็นตัวชี้วัด (KPI) นอกจากนี้ยังรวมถึงพนักงานที่รับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม และผู้จัดการด้านพลังงาน ไปจนถึงฝ่ายบริหารของโรงงานและผู้บริหารระดับสูง เพราะการประหยัดที่เกิดขึ้นจะส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรของโรงงาน

การเพิ่มความตระหนัก

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การประหยัดพลังงานที่เป็นไปได้เหล่านี้ไม่ได้รับการปลดล็อคก็คือการขาดความตระหนักถึงมูลค่าของการประหยัดพลังงานที่อาจเกิดขึ้น ผลกระทบในเชิงบวกจากการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงาน ได้แก่ การลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในแง่ของการประหยัด รวมไปถึงการลดการปล่อย CO2 และอาจรวมถึงการลดภาษี CO2 หรือลดค่าใช้จ่ายสำหรับใบรับรองการปล่อย CO2

นอกจากนี้ ระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นสามารถยืดออกไปได้ถึง 3 – 5 เท่า ช่วยลดการซื้อน้ำมันหล่อลื่นใหม่ ลดต้นทุนในการกำจัดน้ำมันเก่า และลดภาระงานของทีมบำรุงรักษา

อีกทั้งน้ำมันหล่อลื่นประเภทนี้ยังช่วยเพิ่มการป้องกันการสึกหรอและลดอุณหภูมิในชุดเกียร์ ซึ่งส่งผลให้อายุการใช้งานของชุดเกียร์ยาวนานขึ้นและลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership)

การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี

อีกเหตุผลหนึ่งที่ผู้ปฏิบัติงานอาจลังเล ที่จะเปลี่ยนมาใช้น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงานก็คือน้ำมันหล่อลื่นเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างจากน้ำมันพื้นฐานทั่วไป ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาแพงกว่าน้ำมันแร่ทั่วไปถึง 2 – 5 เท่า เพื่อให้แน่ใจว่าการประหยัดนั้นจะสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริง คลูเบอร์ ลูบริเคชั่น ขอแนะนำให้ทำการทดลองและวัดผลเพื่อวิเคราะห์จุดคุ้มทุน (ROI) สำหรับชุดเกียร์แต่ละตัวตั้งแต่เริ่มต้น หลังจากนั้น เมื่อประสบความสำเร็จก็สามารถคูณผลลัพธ์เพื่อให้เห็นภาพรวมการประหยัดพลังงาน เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันหล่อลื่นที่เลือกใช้นั้น ช่วยประหยัดพลังงานได้ตลอดอายุการใช้งาน

การรับประกันการประหยัด

อีกสาเหตุหนึ่งที่บางครั้งการประหยัดพลังงานไม่ได้รับการปลดล็อกคือความไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ดังนั้นจึงควรทำงานร่วมกับผู้ให้บริการสารหล่อลื่นที่มีความเชี่ยวชาญในการวัดผลการประหยัดพลังงานในสถานที่จริง เพื่อระบุศักยภาพการประหยัดของอุปกรณ์ได้อย่างชัดเจน

ในอุดมคติ การประหยัดพลังงานควรได้รับการรับรองตามโปรโตคอลการวัดและตรวจสอบ เช่น มาตรฐานการวัดและตรวจสอบประสิทธิภาพระดับสากล (IPMVP) นอกจากนี้ เมื่อใช้น้ำมันหล่อลื่นในปริมาณมาก ควรพิจารณารับประกันผลการประหยัด เช่น การทำสัญญาประสิทธิภาพพลังงาน (EPC) ที่คลูเบอร์ ลูบริเคชั่น พร้อมให้บริการ

ข้อกังวลเกี่ยวกับความเข้ากันได้

ความจริงที่ว่าการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันหล่อลื่นแบบประหยัดพลังงานในตอนแรกเกี่ยวข้องกับต้นทุนการซื้อที่สูงขึ้นอาจเป็นอุปสรรคต่อผู้ใช้งานบางราย คลูเบอร์ ลูบริเคชั่นจึงได้พัฒนาข้อเสนอการชำระเงินที่ คลูเบอร์ ลูบริเคชั่นจะเป็นผู้รับความเสี่ยงไว้ ซึ่งเรียกว่า การทำสัญญาประสิทธิภาพพลังงานสำหรับน้ำมันหล่อลื่นชนิดพิเศษ (EPC) เป็นแบบจำลองสามารถจองเป็นข้อเสนอเพิ่มเติมสำหรับโครงการที่เหมาะสมได้ ด้วยข้อเสนอการชำระเงินนี้ ราคาของน้ำมันหล่อลื่นจะขึ้นอยู่กับการประหยัดพลังงานที่วัดได้จริงและวัดได้ หากบรรลุข้อตกลงประหยัดได้ ผู้ประกอบการจะต้องชำระราคาเต็มตามที่ตกลงกันไว้ หากพลาดเป้าหมายการประหยัดพลังงาน ราคาน้ำมันหล่อลื่นก็ลดลงตามไปด้วย

เพื่อให้ได้ประมาณการศักยภาพในการประหยัดที่สมจริง จะต้องระบุเครื่องจักรและระบบที่จะปรับให้เหมาะสมก่อน จุดเริ่มต้นคือการวัดการใช้พลังงานและตัวแปรกระบวนการในขณะที่น้ำมันหล่อลื่นก่อนหน้ายังคงใช้งานอยู่ ซึ่งจะทำให้สามารถกำหนดเป้าหมายการประหยัดตามข้อมูลนี้ได้

การวัดผลนั้นทำตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น IPMVP และ ISO 50015 ซึ่งมีการวัดผลอีกครั้งหลังจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเพื่อพิจารณาการประหยัดพลังงานที่แท้จริง

การนำเสนอข้อเสนอ

ข้อเท็จจริงที่ว่าการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงานมีต้นทุนการซื้อที่สูงขึ้นในช่วงแรก อาจทำให้ผู้ประกอบการบางรายลังเล คลูเบอร์ ลูบริเคชั่นจึงได้พัฒนาข้อเสนอการชำระเงินที่โปร่งใส โดยคลูเบอร์ ลูบริเคชั่นจะเป็นผู้รับความเสี่ยงไว้เอง ซึ่งเรียกว่ารูปแบบการทำสัญญาประสิทธิภาพพลังงาน (EPC) สำหรับน้ำมันหล่อลื่นเกรดพิเศษ โดยสามารถจองเป็นข้อเสนอเพิ่มเติมสำหรับโครงการที่เหมาะสมได้ ด้วยข้อเสนอนี้ ราคาของน้ำมันหล่อลื่นจะขึ้นอยู่กับการประหยัดพลังงานที่สามารถวัดผลได้จริง หากบรรลุเป้าหมายการประหยัดพลังงาน ผู้ประกอบการจะชำระราคาที่ตกลงกันไว้เต็มจำนวน แต่หากไม่บรรลุเป้าหมาย ราคาน้ำมันหล่อลื่นจะถูกปรับลดลงตามผลลัพธ์ที่ได้

เพื่อให้ได้การประเมินศักยภาพการประหยัดที่เป็นจริง เครื่องจักรและระบบที่ต้องการการปรับปรุงจะต้องได้รับการระบุเสียก่อน จุดเริ่มต้นคือการวัดการใช้พลังงานและตัวแปรกระบวนการในขณะที่น้ำมันหล่อลื่นก่อนหน้ายังคงใช้งานอยู่ ซึ่งจะทำให้สามารถกำหนดเป้าหมายการประหยัดตามข้อมูลนี้ได้

การวัดผลนั้นทำตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น IPMVP และ ISO 50015 ซึ่งมีการวัดผลอีกครั้งหลังจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเพื่อพิจารณาการประหยัดพลังงานที่แท้จริง

 

คำแนะนำ 5 ขั้นตอนในการเริ่มต้นใช้งานสารหล่อลื่นประหยัดพลังงาน

Energy efficiency

1. เลือกพันธมิตรน้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสม
ขั้นตอนแรก เริ่มต้นด้วยการเลือกพันธมิตรที่ให้บริการน้ำมันหล่อลื่นอย่างเหมาะสม ควรตรวจสอบผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่ผู้ให้บริการนำเสนอ และตรวจสอบว่าได้รับการรับรองจากผู้ผลิตอุปกรณ์ (OEM) หรือไม่ รวมถึงพิจารณาความสามารถในการวิเคราะห์พลังงานของผู้ให้บริการน้ำมันหล่อลื่น และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์โดยเฉพาะ

2. ทำความเข้าใจศักยภาพการประหยัดพลังงานของโรงงาน
เริ่มต้นด้วยการประเมินเป้าหมายการประหยัดพลังงานของเครื่องจักรแต่ละตัว เลือกน้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งาน และทำการวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ร่วมกับผู้ให้บริการน้ำมันหล่อลื่น เพื่อสร้างแผนงานที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุดสำหรับโรงงานของคุณ

3. วางแผนการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันหล่อลื่นประหยัดพลังงาน
กำหนดลำดับความสำคัญของเครื่องจักรที่ต้องการเปลี่ยน เริ่มต้นด้วยการเลือกเครื่องจักรนำร่อง พิจารณาช่วงเวลาแผนการหยุดเครื่องจักรหรือการเปลี่ยนอุปกรณ์ และกำหนดกรอบเวลา โดยกระบวนการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันหล่อลื่นเทคโนโลยีใหม่นี้ ใช้เวลาการเปลี่ยนถ่ายเพียงหนึ่งวันหรือสองวันเท่านั้น

4. ดำเนินโครงการนำร่อง
ดำเนินโครงการนำร่อง ดำเนินการศึกษาประสิทธิภาพ การใช้พลังงานในเครื่องจักรนำร่อง เพื่อเก็บข้อมูลและพิสูจน์ผลลัพธ์ด้านการประหยัดพลังงานภายในองค์กรอย่างชัดเจน

5. ขยายผลประโยชน์ไปยังอุปกรณ์อื่นๆ
นำผลลัพธ์จากโครงการนำร่องไปประยุกต์ใช้กับเครื่องจักรอื่นๆ เพื่อเพิ่มการลดการปล่อย CO2 และประหยัดค่าไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด

ติดต่อเรา

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการเอกสาร Download กรุณาติดต่อคลูเบอร์ ลูบริเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่อยู่ด้านล่างนี้ หรือ Add Friend มายัง LINE OA @klueberthailand

คลูเบอร์ ลูบริเคชั่น Your global specialist เรายินดีให้บริการคุณ

ขอขอบพระคุณค่ะ

  • TH ติดต่อ

    บริษัท คลูเบอร์ ลูบริเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

    เลขที่ 5 อาคารดร.เกฮาร์ด ลิงค์ ชั้นที่ 12
    ซอยกรุงเทพกรีฑา 4 (บีกริม)
    ถนนกรุงเทพกรีฑา หัวหมาก
    บางกะปิ กรุงเทพ 10240
    ประเทศไทย

    email : marketing@th.klueber.com
    Phone : +66 (0) 2796 4722

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการข้อมูลของคุณในแบบฟอร์มติดต่อ โปรดอ่านเพิ่มเติมในเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัว